ความหมายของอินพุตเเละเอาต์พุต
บทที่6
Input/Output
ความหมายของอินพุต (Input) และ เอาต์พุต (Output)
อินพุต หมายถึงอุปกรณ์ที่สามารถรับเข้าข้อมูล โปรแกรม
หรือคำสั่งต่าง ๆ ส่งไปยังคอมพิวเตอร์ได้ ซึ่งการพิจารณาเลือกใช้อุปกรณ์รับเข้าขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและความเหมาะสมเป็นสำคัญ
เอาต์พุต หมายถึง ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลแล้ว
และสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้โดยทั่วไปคอมพิวเตอร์จะนำข้อมูลที่รับเข้ามาทำการประมวลผลออก ซึ่งเอาต์พุตแบ่งตามฮาร์ดแวร์ ซอฟแวร์ และความต้องการของผู้ใช้
หลักการทำงาน ประเภทของอุปกรณ์
อุปกรณ์รับเข้า
1. แป้นพิมพ์ (Keyboard) เป็นอุปกรณ์รับเข้าชนิดแรกที่ใช้กับคอมพิวเตอร์และถือเป็นอินพุตหลักของอุปกรณ์ประเภท
ตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์ต่าง ๆ
ซึ่งในปัจจุบันแป้นพิมพ์ได้เพิ่มปุ่มขึ้นเพื่อ
ความสะดวกในการใช้งาน เช่น
ปุ่มคีย์ลูกศร ปุ่มคีย์ลัด และฟังก์ชันต่าง ๆ
2. เมาส์ (Mouse) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับชี้ตำแหน่ง ใช้ในการควบคุม และเคลื่อนย้ายตำแหน่งบนจอภาพ รวมทั้งการเลือกข้อมูลในคอมพิวเตอร์
3.ปากกาหรือสไตลัส (Stylus)
สไตลัสเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นิยมใช้กับงานด้านการออกแบบกราฟิก
ปัจจุบันปากกาสไตลัสนิยมนำมาใช้กับเครื่องพีดีเอ หรือเครื่องปาล์ม
4. ปากกาแสง (Light Pen) เป็นอุปกรณ์มีลักษณะเป็นปากกาที่ใช้ชี้ตำแหน่งบนจอภาพแบบพิเศษนิยมใช้กับงานด้านการออกแบบ
และงานด้านการแพทย์
5. จอภาพแบบสัมผัส (Touch Screen) เป็นจอภาพแบบพิเศษที่สามารถเป็นได้ทั้งอุปกรณ์รับเข้าและอุปกรณ์ส่งออก นิยมใช้กับงานธุรกิจร้านค้า โรงแรม สายการบิน และธนาคาร
6. จอยสติ๊ก (Joy Stick) เป็นอุปกรณ์รับเข้าที่ใช้ในการเล่นเกมส์บนคอมพิวเตอร์ ซึ่งใช้ก้านบังคับที่ใช้ควบคุมทิศทาง และปุ่มฟังก์ชันต่าง ๆ ในเกมส์
7. สแกนเนอร์ (Scanner) เป็นอุปกรณ์รับเข้าที่นิยมใช้ในปัจจุบันนี้เนื่องจากให้ความสะดวกต่อการใช้งานหลาย
ๆ ด้าน
อุปกรณ์ส่งออกหรือแสดงผล
1. จอภาพ (Monitor) เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นและนิยมใช้เพื่อแสดงผล ในรูปแบบของข้อความ ภาพนิ่ง กราฟิก ภาพเคลื่อนไหว
จอภาพมีหลายชนิดด้วยกัน คือ
1. จอภาพซีอาร์ที (Cathode Ray Tube:
CRT) เป็นจอภาพสัญญาณแบบอนาล็อก ถูกพัฒนาจากจอภาพโทรทัศน์
การทำงานจะเกิดความร้อนสูง
2. จอภาพแบบแอลซีดี (Liquid
Crystal Display: LCD) เป็นจอภาพที่ใช้วัตถุแบบผลึกเหลว (Liquid
Crystal) แทนการใช้หลอดภาพและใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ใน การผลิแสงสว่าง
2. เครื่องพิมพ์ (Printer)
เป็นอุปกรณ์ส่งออกมาตรฐานชนิดหนึ่ง
ใช้สำหรับพิมพ์ข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ลงในกระดาษ เครื่องพิมพ์แบ่งออกเป็น 4
ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1. เครื่องพิมพ์แบบดอทเมทริกซ์ (Dot
Matrix Printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่ใช้หัวเข็มกระแทกผ้าหมึกเพื่อให้เกิดจุดรวมกัน
เป็นตัวอักษร ปัจจุบันเครื่องพิมพ์ประเภทนี้ได้รับความนิยมน้อยลง
2. เครื่องพิมพ์แบบบรรทัด (Line
Printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีลักษณะการทำงานคล้ายกับเครื่องพิมพ ์แบบดอทเมทริกซ์ แต่จะพิมพ์เป็นบรรทัด
ซึ่งแตกต่างการพิมพ์แบบดอทเมทริกซ์ที่พิมพ์ทีละตัวอักษร
3. เครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ต (Ink Jet
Printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่ใช้หลักการพ่นหมึก
สามารถพิมพ์ได้ทั้งตัวอักษรและรูปภาพ ความเร็วของเครื่องพิมพ์ประเภทนี้พิจารณาจาก
จำนวนแผ่นที่พิมพ์ได้ในเวลา 1 นาที (Page Per Minute
: PPM)
4. เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ (Laser
Printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่นินมใช้กับงานพิมพ์เอกสารทั่วไป
สามารถพิมพ์ได้คมชัดและเร็ว หลักการทำงานของเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์คล้ายกับ
เครื่องถ่ายเอกสารโดยใช้ผงหมึกที่บรรจุไว้ในตลับ (Toner) ความเร็วของเครื่องพิมพ์ประเภทนี้
พิจารณาจากจำนวนแผ่นที่พิมพ์ในเวลา 1 นาที (Page Per
Minute: PPM)
5.พล็อตเตอร์
(Plotter) เป็นอุปกรณ์ส่งออกที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในงานด้านกราฟิกสามารถแสดงผลงานกราฟิกทางเครื่องพิมพ์
์ทำไม่ได้นั้นคืองานที่ต้องใช้กระดาษแผ่นใหญ่ คุณภาพทางกราฟิกซับซ้อน เช่น
พิมพ์เขียว แผนผังเมือง แผนผังการเดินสายไฟฟ้าอาคารขนาดใหญ่ ฯลฯ
6.ลำโพง (Speaker) เป็นอุปกรณ์ส่งออกที่ใช้แสดงข้อมูลประเภทเสียงจากเครื่องคอมพิวเตอร์โดยต้องใช้คู่กับอุปกรณ์
การ์ดเสียง (Sound Card) เป็นตัวเชื่อมระหว่างลำโพงกับเครื่องคอมพิวเตอร์
โดยทำการแปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นสัญญาณอนาล็อกไปยังลำโพง
ปัญหาและการแก้ไขปัญหา
อุปกรณ์ต่อพ่วงมีมากเกินไป ทำให้ข้อมูลหรือจำนวนที่ใช้ในการส่งข้อความมีความแตกต่างกัน และความเร็วแต่ละชนิดมีความเร็วที่แตกต่างกันออกไป การแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ควรแก้ปัญหาโดยใช้ I/O Modules
I/O Modules จะใช้การควบคุมสัญญาณ และการกำหนดเวลา และจัดการการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ CPU และจัดการการเชื่อมต่อให้กับอุปกรณ์ I/O เป็นที่พักระหว่างการรับและส่งข้อมูล รวมทั้งตรวจสอบความผิดพลาด
วิธีการรับ ส่งข้อมูล
วิธีที่ 1 Programmed I/O คือ CPU จะควบคุมสัญญาณถามอุปกรณ์ I/O เพื่อตรวจสอบสถานะการทำงานของอุปกรณ์ I/O CPU คอยจนกระทั่ง I/O ทำงานสำเร็จก่อน CPU ก่อนที่จะไปทำงานอื่นๆ
วิธีที่ 2 Interrupt Driven I/O ใช้การขัดจังหวะ หรือที่เรียกว่า อินเตอรัพท์ (Interrupt)มาแทนการที่ต้องให้ CPU คอยตรวจสอบสถานะของ I/O ว่าพร้อมหรือยัง
วิธีที่ 3 Direct Memory Access (DAM) ทั้ง 2 วิธีที่ผ่านมา Interrupt driven และ programmed I/O ลัวนเเเล้วต้องใช้ CPU ทั้งสิ้นทำให้อัตราการส่งข้อมูลถูกจำกัดลง
จัดทำโดย
นางสาว วรรณา ป้องศรี 5841120056
นางสาว ปฏิมากร ธรรมประชา 5841120076
นางสาว สิริภรณ์ พรรณา 5841120077
คณะครุศาสตร์
สาขาวิชา คอมพิวเตอร์ศึกษา ชั้นปีที่ 2
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น